เมนู

5. ทุติยผลสูตร



ผลานิสงส์การเจริญอานาปานสติ 7 ประการ



[1314] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้ว
กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก.
[1315] ก็อานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
อย่างไร ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อยู่ในป่าก็ดี
อยู่ที่โคนไม้ก็ดี อยู่ที่เรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้
เฉพาะหน้า เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า (พึงขยายเนื้อความให้พิสดาร
ตลอดถึง ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้พิจารณาเห็นโดยความสละคืนหายใจ
ออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้พิจารณาเห็นโดยความสละคืนหายใจเข้า)
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
อย่างนี้แล ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก.
[1316] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่ออานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้ว
กระทำให้มากแล้วอย่างนี้ พึงหวังได้ผลานิสงส์ 7 ประการ ผลานิสงส์
7 ประการ เป็นไฉน คือ จะได้ชมอรหัตผลในปัจจุบันก่อน 1 ถ้าไม่ได้
ชมอรหัตผลในปัจจุบันก่อน จะได้ชมในเวลาใกล้ตาย ถ้าในปัจจุบันก็ไม่
ได้ชม ในเวลาใกล้ตายก็ไม่ได้ชมไซร้ เพราะสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ
สิ้นไป จะได้เป็นพระอนาคามีผู้อันตราปรินิพพายี 1 ผู้อุปหัจจปรินิพพายี 1
ผู้อสังขารปรินิพพายี 1 ผู้สสังขารปรินิพพายี 1 ผู้อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่ออานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
อย่างนี้แล พึงหวังได้ผลานิสงส์ 7 ประการเหล่านี้.
จบทุติยผลสูตรที่ 5

6. อริฏฐสูตร



การเจริญอานาปานสติ



[1317] กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้า ฯลฯ ได้
ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายย่อมเจริญอานาปานสติหรือหนอ.
[1318] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามอย่างนี้แล้ว ท่านพระ
อริฏฐะได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์
เจริญอานาปานสติอยู่.
พ. ดูก่อนอริฏฐะ ก็เธอเจริญอานาปานสติอย่างไรเล่า.
[1319] อ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กามฉันท์ในกามที่ล่วงไป ข้า-
พระองค์ละได้แล้ว กามฉันท์ในกามที่ยังไม่มาถึงของข้าพระองค์ไปปราศแล้ว
ปฏิฆสัญญาในธรรมทั้งหลาย ทั้งที่เป็นภายในและภายนอก ข้าพระองค์กำจัด
เสียแล้ว ข้าพระองค์มีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์เจริญอานาปานสติอย่างนี้แล.
[1320] พ. ดูก่อนอริฏฐะ อานาปานสตินั้นมีอยู่ เราไม่ได้กล่าว
ว่าไม่มี ก็แต่ว่า อานาปานสติย่อมบริบูรณ์โดยกว้างขวางด้วยวิธีใด เธอจงฟัง
วิธีนั้น จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ท่านพระอริฏฐะทูลรับพระดำรัส พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนอริฏฐะ ก็อานาปานสติย่อม
บริบูรณ์โดยกว้างขวางอย่างไรเล่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อยู่ในป่าก็ดี อยู่ที่
โคนไม้ก็ดี อยู่ที่เรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะ
หน้า เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า ฯลฯ ย่อมสำเหนียกว่า เราจัก
พิจารณาเห็นโดยความสละคืนหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณา